เราค้างกันไว้ที่ “เมื่อทำงานเสร็จแล้ว อย่าเพิ่งเสร็จ”
คงจะงงๆ กันอยู่บ้าง ครับ คืออย่างนี้
ปรกติคนทำงานทั่วไปเมื่อทำงานเสร็จ ไม่ว่าจะเป็นงานที่ได้รับมอบหมาย งานประจำในหน้าที่
หรือจะเป็นงานส่วนตัวก็ตาม
พองานเสร็จ สำเร็จลงแล้ว จะรู้สึกผ่อนคลาย โล่งอก รู้สึกมีความสุข
ตกลง เราเลยไม่รู้ว่า จริงๆ แล้ว
ใครที่บอกว่า การได้ทำงานแล้วมีความสุข
กับ เมื่องานเสร็จแล้วโล่งอก มีความสุข
มันมีอยู่ 2 - 3 ประเด็นครับ
อย่างแรกเลย คือ คนที่รักการทำงาน พอได้รับงานก็ลงมือทำ•อย่างมีความสุข
พองานเสร็จปั๊บ จึงมีความสุขเพิ่มขึ้นอีก แถมด้วยความปลื้ม อิ่มเอมหัวจิตหัวใจ
กับอีกอย่าง ไม่ได้มีจิตใจอยากจะทำงานสักเท่าไหร่ ไม่มีใจจดจ่อ จะด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม
ก็ทำงานไปแบบแกรนๆ ตามหน้าที่ ฝืนทำจนจบ พอจบก็โล่ง สบาย
2 ประเด็นนี้ก็จบไป
ส่วนคนที่ทำงานออกแบบ ทำงานศิลปนั้น
จะบอกให้ว่า คนทำงานในงานแบบนี้จะเป็นคนมีศิลป์ มีความงดงามอยู่ในใจ
เป็นพื้นฐานเคลือบหุ้มอารมณ์ ตรงนี้ได้เปรียบคนในอาชีพอื่นอยู่
แต่...ในประเด็นที่ตั้งไว้แต่แรก
“งานเสร็จแล้ว อย่าเพิ่งเสร็จ” คือว่า
ขั้นตอนสุดท้ายของการจบงานนั้น มีความสำคัญเท่ากับการเริ่มต้นเช่นกันนะ
ควรใช้สมาธิ ตั้งสติ เดินออกจากตัวตนของเราเสีย หันกลับไปมองงาน นั่งพิจารณา
อย่างละเอียดถี่ถ้วน ลึกซึ้ง ค่อยๆ กวาดสายตาให้ครบทุกจุดอย่างรอบคอบ เพื่ออะไรครับ
ก็...เพื่อหาข้อตำหนิ ข้อผิดพลาด บกพร่องของงานเรา ของตัวเราเอง
สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นการเติมเสน่ห์ให้งาน ให้กับตัวเราเองด้วย
อย่าเข้าใจว่าเป็นเรื่องจิ๊บๆ เล็กๆ น้อยๆ นะครับ
สิ่งเล็กๆ มักเป็นที่มาของเรื่องราวใหญ่โตได้เสมอ
พอเข้าใจนะครับ
หยุดคิด หยุดพิจารณา ด้วยความเป็นกลาง อย่าเข้าข้างต้วเอง
แล้วเราจะพบตัวเองว่าบกพร่องตรงไหน
หากค้นพบ
เราจะได้พบความยิ่งใหญ่ ในตัวตนของเราเองครับ
นี่คือความใส่ใจที่ เอส.เอ็ม.ซี.คอร์เนอร์ มีให้กับผู้ใช้บริการทุกๆ รายของเรา
